จากเหตุการณ์เครื่องบิน L-39 สังกัดฝูงบิน 411 กองบิน 41 ตกที่บริเวณพื้นที่บ้านเกาะกลางจ.เชียงใหม่ ทำให้นักบินที่ 2 คือ นาวาอากาศตรี ณฤพล เลิศกุศล หรือ กัปตันพีท เสียชีวิตนั้น วันนี้ (13 ก.ค.) เพื่อนๆ ของกัปตันพีทได้ร่วมพิธีเชิญวิญญาณกลับบ้านในที่เกิดเหตุ
โดยเหตุการณ์นี้ มีข้อมูลระบุว่า กัปตันพีทซึ่งเป็นครูการบิน
ได้เสียสละทำหน้าที่ประคองเครื่องเพื่อให้ศิษย์คือ เรืออากาศโท ธนวัฒน์ คูณขุนทด ซึ่งเป็นนักบินที่ 1 ดีดตัวออก ก่อนจะบังคับเครื่องไปจนวินาทีสุดท้าย เพื่อให้เครื่องบินตกห่างจากชุมนให้ไกลที่สุด แม้จะรู้ดีว่าต้องสละชีวิตของตนเอง
ทั้งนี้ กองทัพอากาศ ได้จัดเครื่องบิน C-130 เคลื่อนศพมายังกรุงเทพ พร้อมจัดกองทหารเกียรติยศประกอบพิธีอย่างสมเกียรติ ก่อนที่จะนำร่างไปบำเพ็ญกุศล ที่วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน เมื่อวานนี้ (12 ก.ค.) โดยพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานน้ำหลวงอาบศพมอบเงินสงเคราะห์ 3.4 ล้าน พร้อมปูนบำเหน็จ 8 ขั้น
หนึ่งในเพื่อนที่เข้าร่วมพิธีเชิญวิญญาณกัปตันพีทกลับบ้านคือ ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Yoe Surabenjapol ซึ่งได้กล่าวถึงการจากไปของเพื่อนว่า “ทัพอากาศไทยได้เสียยอดฝีมือไปอีกหนึ่งคน ในฐานะนักบินรบที่มีฝีมือยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่ง ครูฝึกบินมากประสบการณ์ กูชอบฟังทุกครั้งที่มึงเล่าวิธีขับเครื่องบินรบยังไง มึงเป็นคนเก่งเพื่อน”
“เป็นเกียรติที่ได้เป็นเพื่อนกับมึง ขอบคุณช่วงเวลาดีๆ จาก ม.1 ถึงวันนี้ เพื่อนรัก.. ไปอยู่กับพระเจ้านะมึง จนกว่าจะได้เจอกันใหม่เพื่อน เรื่องที่เหลือไม่ต้องห่วง R.I.P. น.ต.นฤพล เลิศกุศล”
สาวกรี๊ด เจอซากกิ้งกือในลาบ แถมร้านไม่ยอมรับผิดชอบ เมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Parisa Maysa ได้โพสต์เล่าประสบการณ์กินลาบที่ร้านส้มตำแห่งหนึ่งย่านบางแสน จ.ชลบุรี ระบุว่าขณะที่กำลังกินลาบอยู่ ตนสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติในจานซึ่งก็คือ เศษซากของกิ้งกือ ตนจึงเรียกพนักงานมาคุย โดยทางร้านอ้างว่าอาจจะตกมาจากด้านบน แต่ตนก็บอกว่าด้านบนเป็นเพดาน ไม่ใช่ต้นไม้ จะตกลงมาได้อย่างไร อีกทั้งกิ้งกือยังแตกเป็นเศษๆ แล้วด้วย
ทางร้านแสดงความรับผิดชอบเพียงแค่ไม่คิดเงินจานที่มีกิ้งกือ แต่อาหารที่เหลือทั้งหมดยังคงคิดราคาตามเดิม ทำให้หญิงสาวไม่พอใจอย่างมาก และระบุว่าเจอแบบนี้แล้วคงกินจานอื่นๆ ต่อไม่ลง และเมื่อขอพูดคุยกับเจ้าของร้าน ทางพนักงานก็บอกว่าไม่อยู่
หลังจากมีการโพสต์ ทางร้านส้มตำดังกล่าวก็ออกมาชี้แจง และขอโทษลูกค้ารายดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าได้กล่าวตักเตือนพนักงานรายนั้นไปแล้ว อีกทั้งจะมีการประชุมร้านเพื่อปรับปรุงแก้ไขเรื่องดังกล่าว
หนุ่มเผย เจอดีหอสยองเชียงใหม่ นอนทับที่คนตาย
หลังจากมีการเผยแพร่ภาพลึกลับที่โลกโซเชียลกำลังฮือฮากันว่าเป็นภาพถ่ายติดวิญญาณนั้น ล่าสุดวานนี้ (11 ก.ค.) นายวุฒิชัย ทรงธนาวุฒิ อายุ 30 ปี พ่อค้าขายเสื้อผ้าแฟชั่น ย่านตลาดหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้โพสต์ยืนยันประสบการณ์ส่วนตัวผ่านเฟซบุ๊ก Wuttichai Songthanawut ว่าจริงๆ แล้ว ตนเคยอาศัยอยู่ที่หอพักดังกล่าวเมื่อ 15 ปีที่แล้วด้วยราคาเพียง 500 บาทต่อเดือน และมีประสบการณ์หลอนจริงๆ
นายวุฒิชัยเล่าว่า ตนไปพบภาพที่ดูคล้ายถ่ายติดวิญญาณที่แชร์กันในโลกโซเชียล และสังเกตเห็นว่าเป็นหอพักเดียวกันกับที่ตนเคยอยู่เมื่อ 15 ปีที่แล้ว สมัยที่ยังเรียนหนังสือแล้วหนีออกจากบ้านไป ตนจึงต้องหาห้องพักราคาถูก และจำเป็นต้องอยู่ที่นั่น
โดยประสบการณ์ที่เกิดขึ้นมีเรื่องแปลกๆ หลายอย่าง เช่น เสียงเคาะประตู เคาะกระจก เสียงคนเดิน และที่ชัดเจนที่สุดคือ ตนเห็นผู้หญิงเดินเข้าห้องมาแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำ ซึ่งตนมาทราบภายหลังว่าห้องนี้ เคยมีผู้หญิงผูกคอตายกับพัดลมเพดานในห้อง อีกทั้งในช่วงที่ตนหนีออกจากบ้านนั้น แม่ยังฝันเห็นหอพักที่อยู่และผู้หญิงที่ตาย โดยอธิบายลักษณะได้ตรงหมด ทั้งที่ช่วงนั้นไม่ได้ติดต่อกัน ต่อมาแม่จึงขอให้ย้ายออกทันที
ส่วนตัวตนไม่คิดว่าจะกลายเป็นกระแสโด่งดังขนาดนี้ในชั่วข้ามคืน และไม่ยืนยันว่าหอพักในภาพนั้นเป็นหอพักเดียวกับที่ตนเคยอยู่ แต่ภาพที่เห็นตามโพสต์คล้ายกับหอพักที่ตนเคยพักอยู่จริง และไม่ได้หวังว่าทุกคนจะเชื่อที่ตนเล่า แต่ยืนยันว่าเป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนจริงๆ นอกจากนี้ ยังมีเพื่อนที่เคยไปเที่ยวหา และไปเช่าห้องเดียวกันนี้ต่อจากตน ยังพบเจอประสบการณ์เช่นเดียวกันนี้ด้วย โดยตนไม่แน่ใจว่าหอพักนี้ ยังมีอยู่หรือไม่ในปัจจุบันเพราะไม่ได้ผ่านไปแถวนั้นนานแล้ว
โจทก์ทั้ง 3 จึงได้แจ้งเหตุความเสียหายต่อจำเลยทั้ง6 ซึ่งจำเลยทั้ง6มอบให้บริษัทแม็คลาเรนส์ (ประเทศไทย) จำกัด สำรวจความเสียหายจากเหตุดังกล่าว แล้วปฏิเสธความรับผิด อ้างว่าเหตุความเสียหายเข้าข้อยกเว้นความรับผิดตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย โจทก์ทั้งสามบอกกล่าวทวงถามให้จำเลยทั้งหกรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน แต่จำเลยทั้ง 6 เพิกเฉยไม่ชำระ
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามที่โจทก์ทั้ง 3 ได้รับอนุญาตให้ฎีกาในประการแรกว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ทรัพย์สินที่เอาประกันภัยเกิดจากภัยประเภทใดและเป็นภัยที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยตามฟ้องหรือไม่